การฉีดโบท็อกซ์เป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน ซึ่งการวางแผนฉีดโบท็อกซ์อย่างสม่ำเสมอถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพผิวของเรา เพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ก่อนวัย และปัจจุบันมีคลินิกจำนวนมากที่ใช้กลโกงแบบคำว่า ไม่จำกัดยู ซึ่งไม่มีคลินิกไหนยอมขาดทุนอย่างแน่นอน เพราะโบท็อกซ์ของแท้จะมาในรูปแบบผงแล้วนำมาผสมกับน้ำเกลือในอัตราส่วนที่ถูกกำหนดไว้ หากท่านใดหลงเชื่อหรือเลือกคลินิกที่ใช้กลโกงคำว่า ไม่จำกัดยู ท่านอาจจะได้น้ำเกลือในปริมาณที่เกิดกำหนดไปแทน แล้วอาจทำให้ดื้อโบได้ เพราะฉนั้นไอริคลินิกจึงให้ความสำคัญกับการโปรโมทที่ตรงไปตรงมา ภายใต้ concept สวยได้แบบไม่ขายฝัน จะแจ้งข้อมูลทุกอย่างชัดเจนว่าราคานี้ได้โบท็อกซ์กี่ยู เพื่อที่จะแก้ไข้ปัญหาได้อย่างแม่นยำ และตรงจุด
โบท็อกซ์ (Botox) คือชื่อทางการค้าของสาร Botulinum toxin A มีฤทธิ์สกัดกั้นระบบการทำงานของเซลล์ประสาท ทำให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ จึงเกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ในปัจจุบันถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงามอย่างแพร่หลาย ทั้งยังนำมาใช้ทางการแพทย์ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งแท้จริงแล้วคำว่า “Botox” เป็นชื่อทางการค้าของบริษัท Allergan ที่คิดค้นการนำสาร Botulinum toxin A มาใช้รักษาความงามด้านริ้วรอยเป็นครั้งแรก และเป็นยี่ห้อแรกที่ได้การรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA)
ประเมินเบื้องต้น
การฉีดโบท็อกซ์แต่ละบริเวณควรใช้กี่ยู
โบท็อกซ์กราม ใช้ประมาณข้างละ 25-30 ยูนิต
โบท็อกซ์หน้าผาก ใช้ประมาณ 30 ยูนิต
โบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว ใช้ประมาณ 12-13 ยูนิต
โบท็อกซ์หางตา ใช้ประมาณ 12-13 ยูนิต
โบท็อกซ์สันจมูก ใช้ประมาณ 4-6 ยูนิต
โบท็อกซ์ปีกจมูก ใช้ประมาณ 12-13 ยูนิต
โบท็อกซ์ลิฟท์กรอบหน้า ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต
โบท็อกซ์ลิฟท์เหนียง ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต
โบท็อกซ์ลิฟท์คอ ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต
โบท็อกซ์รักแร้ ใช้ประมาณ 80-100 ยูนิต
โบท็อกซ์น่อง ใช้ประมาณ 100-200 ยูนิต
* ทั้งนี้ทั้งนั้นแพทย์จะเป็นผู้ประเมินตามปัญหาและความต้องการของลูกค้า เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด *
ฉีดโบท็อกซ์ราคาเท่าไหร่
โบท็อกซ์ Nabota ราคาเริ่มต้น 3,900 บาท
โบท็อกซ์ Neuronox ราคาเริ่มต้น 7,900 บาท
โบท็อกซ์ Xeomin ราคาเริ่มต้น 13,900 บาท
โบท็อกซ์ Allergan ราคาเริ่มต้น 16,900 บาท
รีวิวฉีดโบท็อกซ์
โบท็อกซ์แต่ละแบรนด์แตกต่างกันอย่างไร
โบท็อกซ์นาโบตะ ( Nabota ) เป็นโบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี มีการใช้เทคโนโลยีเฉพาะ HI-PURE Technology ที่พัฒนาอย่างยาวนานและได้รับสิทธิบัตรในปี 2013 ทำให้ตัวยา Nabota Botox มีจุดเด่นเรื่องความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% เกิดอาการดื้อยาน้อย มีความปลอดภัยสูง ออกฤทธิ์ค่อนข้างไว จึงได้รับความนิยมทั้งในประเทศเกาหลี ประเทศไทย อเมริกา และโซนยุโรป
จุดเด่นขอโบท็อกซ์นาโบตะ ( Nabota )
1. เป็นโบท็อกซ์จากเกาหลียี่ห้อแรกและยี่ห้อเดียวที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน USFDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) เมื่อปี 2018
2. มีความบริสุทธิ์ถึง 98.7% ช่วยลดอัตราการดื้อยา
3. ออกฤทธิ์ไว เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์คนที่ต้องการเห็นผลแบบเร่งด่วนและราคาไม่สูง
4. ใช้เทคโนโลยีการผลิตเฉพาะ Hi-PURE Technology ที่พัฒนามาอย่างยาวนาน และได้จดสิทธิบัตรในปี 2013
คำเตือน
เนื่องจากโบท็อกซ์ Nabota เป็นโบท็อกซ์ที่มีราคาไม่สูง จึงมักเจอของปลอมและของหิ้วที่นำเข้าแบบผิดกฎหมายค่อนข้างเยอะ เมื่อฉีดเข้าไปในช่วงแรกอาจเห็นผลดีตามปกติ แต่เมื่อฉีดครั้งต่อ ๆ ไปคนไข้มีโอกาสเกิดอาการดื้อยา ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนต่อเนื่อง หรือร้ายแรงที่สุด อาจเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของแท้ก่อนทุกครั้ง นอกจากนี้โบท็อกซ์ Nabota ที่จำหน่ายในไทยมีเพียง 2 ขนาด คือ 100 ยูนิต (กล่องดำ) และ 200 ยูนิต (กล่องแดง) หากพบเห็นกล่องสีเขียว สีส้ม สันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นโบท็อกซ์ปลอมหรือโบท็อกหิ้ว
โบท็อกซ์นิวโรน็อกซ์ ( Neuronox ) เป็นโบท็อกซ์สัญชาติเกาหลีตัวแรกที่อยู่มายาวนานกว่า 1 ทศวรรษ ตั้งแต่ปี 2006 โดยบริษัทผู้ผลิตในเกาหลีมีชื่อว่า Medytox ที่โดดเด่นเรื่องการค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยมั่นใจว่าคุณภาพของสาร Botulinum Toxin ใน Neuronox นั้นดีเยี่ยมไม่เป็นที่สองรองใครแถมยัง “ดีกว่า” เพราะ “ราคาถูกกว่า” แบรนด์อื่น จึงเป็นโบท็อกซ์ที่สามารถครองตลาดโบท๊อกซ์ชองเกาหลีติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี นิวโรน็อกซ์ผลิตที่ประเทศเกาหลีก็จริง แต่ใช้วัตถุดิบตัวเดียวกันกับของอเมริกา จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้ก็มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98-99 % มีมาตรฐานในการทำวิจัยว่าเมื่อใช้ไปแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัยเมื่อใช้ไประยะเวลานานๆ จึงทำให้ได้รับ FDA จากหลายประเทศ และได้การรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย
จุดเด่นโบท็อกซ์นิวโรน็อกซ์ ( Neuronox )
1. โบท็อกซ์ Neuronox เป็นโบท็อกซ์เกาหลีที่ผลิตจากสายพันธุ์ออริจินัล หรือ Hall A-hyper ประสิทธิภาพเทียบเท่า Allergan และราคาดี
2. มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98-99% จึงทำให้มีโอกาสดื้อโบท็อกน้อย
3. ได้รับการยอมรับว่ามีความปลอดภัย ถ้าเทียบกับโบท็อกซ์เกาหลีตัวอื่นในท้องตลาด โบท็อกซ์ Neuronox จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าทั้งในเรื่องผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ การกระจายตัวยาที่แคบ ให้ผลการรักษาที่แม่นยำ
โบท็อกซ์เยอรมัน ( Xeomin ) คือ ชื่อทางการค้าของ Botulinum Toxin Type A ยี่ห้อ Xeomin ซึ่งผลิตโดยบริษัท MERZ PHARMA GMBH & CO. KGaA ประเทศเยอรมันนี เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ถูกใช้ในวงการเสริมความงามในการฉีดลดริ้วรอย ลดกราม ปรับรูปหน้า หรือฉีดในกล้ามเนื้อบริเวณอื่น ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง
จุดเด่นของโบท็อกซ์เยอรมัน ( Xeomin )
เรียกได้ว่าเป็นโบท็อกซ์ยืนหนึ่งในวงการความงามทั่วโลกนั่นก็ว่าได้
1. โมเลกุลของท็อกซินที่แบรนด์ Xeomin พัฒนาให้มีขนาดเล็กลงนั้น ไม่มีสารอันตรายและปลอดภัยกับผู้ใช้
2. ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากคุณภาพของโบท็อกซ์ที่มีบริสุทธิ์สูง ไม่ทำให้ดื้อโบท็อกซ์ และคนที่ดื้อโบท็อกซ์สามารถใช้ได้ ทำให้ผู้ใช้พึงพอใจในผลลัพธ์
3. ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ (ยกเว้นผู้มีประวัติแพ้สาร Botulinum Toxin Type A)
4. โบท็อกซ์ Xeomin กระจายตัวหลังฉีดได้ดีกว่าแบรนด์อื่น ๆ ลดความเสี่ยงในการเกิดพังผืด และการจับตัวเป็นก้อน
5. ไม่ทำให้ผิวหน้า-คอ ตึงเกินไปจนดูผิดธรรมชาติ
6. คุณภาพสมราคา ฉีดซ้ำได้โดยไม่มีอาการดื้อโบท็อกซ์
นี่คือจุดเด่นของ โบท็อกซ์ Xeomin ที่ผู้ใช้ทั่วโลกการันตี รับรองว่าเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าแบรนด์อื่น ๆ มีความเป็นธรรมชาติมาก และที่เด่นจนสาวกศัลยกรรมยอมรับคือ แก้ปัญหาการดื้อโบท็อกซ์ได้จริง ๆ บางรายที่ฉีดโบท็อกซ์หลายครั้งแล้วกล้ามเนื้อใบหน้าไม่ตอบสนองต่อโบท็อกซ์ แต่เมื่อใช้แบรนด์นี้กลับเห็นผลที่ดีขึ้นและมีความเป็นธรรมชาติมาก ๆ ทำให้หลาย ๆ คนที่มีประสบการณ์ตรงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าฉีดแล้วไม่มีใครรู้ว่าทำโบท็อกซ์มาแน่นอน
โบท็อกซ์อเมริกา ( Allergan ) ที่ทุกคนพูดถึงอย่างแพร่หลาย จริง ๆ แล้วเป็นชื่อทางการค้าหรือยี่ห้อหนึ่งของสาร “Botulinum Toxin A” (โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ) ซึ่งถูกผลิตโดยบริษัท Allergan ในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในวงการยาและเครื่องมือแพทย์ นอกจากการผลิตโบท็อกซ์ แล้ว Allergan ยังผลิตผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีชื่อเสียง เช่น ฟิลเลอร์ อย่างแบรนด์ Juvederm และเทคโนโลยีลดไขมันด้วยความเย็นอีกด้วย โบท็อกซ์ Allergan เป็นบริษัทแรกที่ทำการวิจัยคิดค้น และผลิตสาร Botulinum Toxin A เพื่อใช้ในการลดขนาดกล้ามเนื้อและริ้วรอย เป็นบริษัทที่ได้รับความนิยม และนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการคลินิกความงามทั่วโลก ดังนั้นคำว่า “โบท็อกซ์” มักถูกใช้เพื่อเรียกสาร Botulinum Toxin A ไม่ว่าจะผลิตที่ประเทศใดหรือชื่อยี่ห้อใดก็ตาม แต่ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ขึ้นชื่อว่ามีความปลอดภัย ไม่ทำให้ดื้อโบท็อกซ์ คนส่วนใหญ่ก็มักจะนึกถึง Allergan เป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นแบรนด์แรกที่ผ่านการรับรองจาก USFDA (องค์การอาหารและยาสหรัฐ) และถือเป็นโบท็อกซ์ที่มีประสิทธิภาพ และมีความบริสุทธิ์สูง จึงนิยมนำมาใช้ในวงการคลินิกเสริมความงามในปัจจุบัน
จุดเด่นของโบท็อกซ์อเมริกา ( Allergan )
1. botox allergan เป็นโบท็อกซ์ Original ที่คิดค้นสารโบทูลินั่ม และยังเป็นแบรนด์แรกที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) และหน่วยงานควบคุมอื่น ๆ ทั่วโลก
2. มีงานวิจัยรับรองยาวนานที่สุด กว่า 3,500 งานวิจัย (since 1989) รับรองถึงความปลอดภัย และผลลัพธ์หลังฉีด
3. botox allergan เป็นโบท็อกซ์ที่ใช้ Botulinum Toxin ชนิด Hall A-hyper (สายพันธุ์ออริจินัล ) มา สกัดเป็นตัวยา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และได้รับการยอมรับในการใช้งานในหลายประเทศทั่วโลก
4. มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% จึงช่วยลดโอกาสในการดื้อโบท็อกซ์
5.ให้ผลการรักษาที่แม่นยำที่สุด เนื่องจากยากระจายตัวแคบ ทำให้หมอสามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ได้
6. เหมาะสำหรับฉีดลดริ้วรอยเฉพาะจุด เช่น ตีนกา ระหว่างคิ้ว ขมวดคิ้ว ฉีดโบท็อกซ์ปรับรูปหน้า ลดกราม ลิฟกรอบหน้าด้วยเทคนิค Nefertiti lift
7. เห็นผลเร็ว และมีอายุการใช้งานนานกว่ายี่ห้อโบท็อกซ์อื่น ๆ ประมาณ 20%
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละบุคคล *
ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล
โบท็อกซ์ลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลใน 3-7 วันหลังฉีด และจะเห็นผลแบบชัดเจนใน 14 วัน
โบท็อกซ์ลิฟท์หน้า จะเริ่มเห็นผลใน 7 วัน และจะเห็นผลแบบชัดเจนใน 14 วัน
โบท็อกซ์กราม จะเริ่มเห็นผลใน 14 วัน และจะเห็นผลแบบชัดเจนใน 1 เดือน
โบท็อกซ์กล้ามเนื้อ น่อง จะเริ่มเห็นผลภายใน 1 เดือน และจะเห็นผลแบบชัดเจนใน 2-3 เดือน
โบท็อกซ์ควรฉีดถี่หรือห่างกันในระยะเวลาเท่าไหร่?
ในการฉีดแต่ละครั้งของโบท็อกซ์ ควรเว้นระยะเวลาการฉีดห่างกันอย่างน้อย 4-6 เดือนขึ้นไป และไม่ควรฉีดบ่อยจนเกินไปเนื่องจากจะก่อให้เกิดการดื้อโบได้ โดยการฉีดแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 200 ยูนิต
ใครเหมาะและไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์
ผู้ที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์
1. ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ตามจุดต่างๆของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น หน้าผาก แก้ม หรือ รอบๆดวงตา
2. ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับเต่งตึง
3. ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความเรียวเข้ารูป หรือต้องการปรับรูปหน้าทรงวีเชฟ
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์
1. สตรีที่กำลังอยู่ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างช่วงให้นมบุตร
2. ผู้ที่มีความปกติของระบบกล้ามเนื้อในร่างกาย เช่น เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
3. ผู้ที่มีรอยแผล ผื่นคัน รอยแดง เกิดขึ้นในบริเวณที่จะฉีด ควรเลื่อนการฉีดออกไปและรักษาอาการดั่งกล่าวให้หายเสียก่อน
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์
1. หลังฉีดโบท็อกซ์ไม่ควร นวด กด แกะ เกา หรือไปโดนบริเวณที่ทำการฉีดโบท็อกซ์มา
2. หลังฉีดโบท็อกซ์ ควรงดการอยู่ในที่ร้อน เช่น อบซาวน่า ปรุงอาหารหน้าเตาร้อน เป็นเวลา 4 ชั่วโมง
3. หลังฉีดโบท็อกซ์ ควรงดเว้นการออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
4. หลังฉีดโบท็อกซ์ ควรงดแต่งหน้าเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
5. หลังฉีดโบท็อกซ์ ให้พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ยากระจายตัวเข้ากล้ามเนื้อได้มากขึ้น
6. หลังฉีดโบท็อกซ์ หากมีอาการบวมแดง สามารถใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่บวมแดง หรือช้ำได้
7. หากมีอาการผิดปกติหลังจากฉีดโบท็อกซ์ ให้กลับมาพบแพทย์ที่ให้บริการ
8. หลังฉีดโบท็อกซ์ ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์